รถไฟจะไปสุราษฎร์ ไม่ว่างจริงทำไม่ได้
รถไฟจะไปสุราษฎร์ ตดดังป้าด สุราษฎร์ธานี ตดอีกทีถึงเกาะสมุย ตดปุ๋ยๆ ผ้าลุ่ยทันที…..น่าจะเป็นเพลงที่ร้องกันเฉพาะท้องถิ่นสุราษฎร์บ้านเรา ไม่รู้ว่าเด็กจังหวัดอื่นรู้จักเพลงนี้มั้ย หรือที่อื่นร้องกันยังไงเอามาแชร์กัน
เมื่อรัฐบาลประกาศยกเลิกเคอร์ฟิว สถานการณ์ Covid-19 เริ่มคลี่คลาย การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงเปิดบริการให้ประชาชนสามารถใช้บริการรถไฟไปต่างจังหวัดได้ จึงถือโอกาสกลับบ้านเกิดที่ จ.สุราษฎร์ธานี โดยใช้บริการการรถไฟแห่งประเทศไทยของเรา เย้ !!!
เริ่มกันที่จองตั๋วรถไฟ ไม่ได้จองออนไลน์เพราะมีธุระต้องไปทำแถวหัวลำโพงพอดีเลยไปซื้อตั๋วที่สถานีรถไฟหัวลำโพงเลย ก็ไปบอกเจ้าหน้าที่ว่าซื้อตั๋วรถไฟ ลงสถานีไหน บอกวันที่ที่ต้องการ เจ้าหน้าที่ก็จะหาขบวนรถให้ และที่นั่งที่เราต้องการ
ก่อนจะไปซื้อตั๋ว เจ้าหน้าที่จะให้ไปเขียนใบแจ้งเดินทาง ว่าเราเดินทางจากไหน ไปที่ไหน แล้วถึงจะไปซื้อตั๋วได้ จากนั้นก็เอาใบเดินทางไปยื่นที่ช่องซื้อตั๋ว
ในช่วงแรกที่เปิดให้บริการหลังจากสถานการณ์ Covid-19 เจ้าหน้าที่บอกว่ามีขบวนรถวิ่ง 1 ขบวน เท่านั้น เลยไม่ต้องเลือก คือขบวนที่ 83 กรุงเทพฯ-ตรัง เราเลือกไปลงที่ “สถานีนาสาร” วันที่ 20 ก.ค.63 เป็นรถนอนชั้น 2 ปรับอากาศ เตียงล่าง ราคา 819 บาท เจ้าหน้าที่เอาใบแจ้งเดินทางเก็บไว้ที่ต้นทาง 1 ใบ และที่เหลือเย็บติดไว้กับตั๋ว ให้เรายื่นให้ที่สถานีปลายทางที่เราลง เพื่อในกรณีที่เราเป็นโรค Covid-19 จะได้ตามตัวถูกว่าเราเดินทางไปไหน มาไหนบ้าง เป็นอันเรียบร้อยเรื่องตั๋วเดินทาง
และแล้วก็มาถึงวันเดินทาง เรานั่ง MRT ไปลงสถานีหัวลำโพง เดินออกมาที่ทางออก 2 เมื่อขึ้นบรรไดเลื่อนออกมาก็จะเจอสถานีรถไฟหัวลำโพงเลย เดินตรงไปแล้วก็เลี้ยวขวาก็จะเข้าด้านในสถานี จากนั้นก็เดินเข้าไปด้านในที่ชานชาลารถ
เดินเข้ามาด้านในจะเจอชานชาลาต่างๆ ประมาณ 10 ชานชาลาเห็นจะได้ แต่ละชานชาลาก็จะมีขบวนรถจอดอยู่เพื่อออกเดินทางไปยังที่ต่างๆ เพราะสถานีหัวลำโพงเป็นสถานีต้นทาง เดินหันซ้าย หันขวาอยู่แป๊บนึงก็เดินไปยังชานชาลาที่จะต้องไปขึ้นรถ
รถไฟขบวนที่ 83 กรุงเทพฯ-ตรัง รถออกเวลา 17:05 น. ถึงสถานีเป็นรถด่วน อยู่ชานชาลาที่ 10 เดินไปจะมีเจ้าหน้าที่คอยบอกว่าตู้ไหนอยู่ตรงไหน เมื่อเดินไปถึงตู้ที่เราอยู่ก็จะมีเจ้าหน้าที่ประจำตู้คอยยกกระเป๋าให้ การบริการถือว่าดีใช้ได้เลยทีเดียว
เมื่อเข้ามาด้านในตู้ขบวนรถแอร์ก็เย็นแล้ว ผู้โดยสารยังมาไม่เยอะเท่าไหร่ และต้องใส่หน้ากากกันทุกคน จากนั้นก็เดินหาที่นั่งของตัวเอง โดยดูเลยที่นั่งที่ตั๋ว ให้ตรงกับเลขที่เก้าอี้ โดยดูเลขตัวสีแดง
เมื่อเจอแล้วก็วางกระเป๋าไว้ใต้เก้าอี้หรือจะยกขึ้นไว้ด้านบนก็ได้ เค้าจะมีช่องให้เก็บกระเป๋า แต่สำหรับกระเป๋าใหญ่ๆ คงยกไม่ไหว เก้าอี้ที่นั่งก็กว้างขวางพอควร นั่งด้านละ 1 คน
เมื่อวางกระเป๋าสัมภาระเรียบร้อยแล้ว รถยังไม่ออก ยังพอมีเวลาเดินสำรวจภายในตู้ขบวนรถ อยากรู้ว่าห้องน้ำอยู่ตรงไหน เป็นอย่างไรบ้าง ห้องน้ำจะอยู่ระหว่างทางเชื่อมของแต่ละตู้ โดขจะมีอ่างล้างมืออยู่หน้าห้องน้ำ 2 อ่างกระจกให้ และเดินมาอีกนิดจะเป็นห้องน้ำ 2 ห้อง อยู่ตรงข้ามกัน ห้องหนึ่งจะเป็นที่นั่งแบบชักโครก และอีกห้องหนึ่งจะเป็นแบบนั่งยองๆ
สภาพของห้องน้ำก็ไม่ได้แย่ เท่าที่เห็นยังไม่มีใครเข้าใช้งาน เพราะรถไฟยังจอดอยู่ และด้านในจะมีป้ายติดบอกว่า ห้ามใช้ห้องน้ำขณะรถจอดที่สถานี
จากนั้นเดินกลับมาที่นั่ง แอบเห็นว่าตรงที่นั่งกลางๆ ตู้จะมีปลั๊กไฟไว้บริการ และตรงเก้าอี้จะมีบันไดเหล็กไว้สำหรับคนที่นอนเตียงบนปีนขึ้นไป
ซักพักก็จะมีเจ้าหน้าที่เดินมาตรวจตั๋วเดินทาง และจดว่าแต่ละที่นั่งลงสถานีไหนบ้าง เหมือนเช็คชื่อไปในตัว (ตอนใกล้ๆ ถึงจะมีเจ้าหน้าที่มาคอยเตือนว่าใกล้ถึงแล้วนะ) และเจ้าหน้าที่บอกว่าตอนนี้ตู้เสบียงงดบริการในช่วง Covid-19 ให้ผู้โดยสารเตรียมอาหาร และน้ำดื่มให้เรียบร้อย ดีที่เราเตรียมมาเรียบร้อยแล้ว
และแล้วเวลาก็ผ่านไป…… ตรวจตั๋วก็แล้ว เดินไปเดินมาก็แล้ว หันซ้ายหันขวาก็แล้ว เวลา 17:05 น. ตามหน้าตั๋วก็แล้ว แต่รถไฟก็ยังไปออก…….
จนเวลาผ่านไป………อ่าาา……ล้อรถขยับแล้ว ยกนาฬิกาขึ้นมาดูเป็นเวลา 17:56 น. เป็นเวลาที่รถออกจากสถานีต้นทางหัวลำโพง Go go go go เย้!!
รถเคลื่อนตัวออกอย่างช้าๆ เสมือนประหนึ่งว่าล้อรถไฟไม่อยากลาจากชานชาลาหัวลำโพงซะอย่างนั้น ค่อยๆ เคลื่อน ค่อยๆ เคลื่อนจนมาถึงสถานีรถไฟบางซื่อ ซึ่งในอนาคตจะเป็นสถานีกลาง สร้างไว้ใหญ่โตพอสมควร ตอนนี้ยังไม่เปิดให้ใช้บริการ รถจอดแช่อยู่ที่นี่พักใหญ่ มารู้ที่หลังว่าหัวรถไฟเสีย ต้องรอเปลี่ยนหัวขบวนที่นี่
ฮืออออ….นั่งรอเจ้าหน้าที่ซ่อม เปลี่ยนหัวขบวนรถที่สถานีบางซื่อ จนรู้สึกว่าล้อรถขยับอีกครั้ง เย้!!! ได้ออกเดินทางจริงๆ ซะที รถออกไปซักพัก ก็มีเจ้าหน้าที่มาปูเตียงให้ โดยเค้าจะปูที่นอน คลุมผ้าปูที่นอนสีขาว ใส่ปลอกหมอน และมีผ้าห่มที่ห่อไว้ในถุงพลาสติก และติดผ้าม่านให้ทั้งเตียงบนและเตียงล่าง
รถไฟยังคงเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ เหมือนว่าไม่อยากออกจากกรุงเทพฯ ท้องฟ้าก็กำลังจะมืดลง รถวิ่งผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาตรงสะพานพระรามหกวิวข้างทางก็ดูสวยไปอีกแบบ
และแล้วเวลา 19:05 ตอนนี้เราอยู่ที่…..ตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร การรถไฟแห่งประเทศไทย ใช้เวลา 2 ชั่วโมงในการเดินทางจากหัวลำโพงมาตลิ่งชัน ฮ่าาา นานจัง
นั่งๆ นอนๆ ดูซีรีส์ก็แล้ว อ่านหนังสือก็แล้ว นอนพลิกไป พลิกมาก็แล้ว ก็ยังไม่ถึงไหนมารู้ตัวตอนประมาณตี 3 ได้ยินเสียงประกาศจากด้านนอกว่าขณะนี้อยู่ที่สถานีประจวบคีรีขันธ์ OMG!! แล้วตี 5:05 จะถึงบ้านไหมหนอเรา หลังจากนั้นก็เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ มาตื่นอีกทีตอนประมาณเกือบ 6 โมงเช้า
และแล้ว ปู้น ปู้นนนน รถไฟ ก็มาถึงสุราษฎร์ธานี รุ่งเรืองสมเมืองคนดี จนได้ ในเวลา 7 โมงเช้า รถไฟจะจอดที่สถานีสุราษฎร์ประมาณ 10 นาที ที่สถานีนี้ปกติจะมีนักท่องเที่ยวลงกันเยอะ เพราะเป็นท่ารถเพื่อนั่งต่อไปท่าเรือเกาะสมุย หรือนั่งต่อไปในตัวเมืองสุราษฎร์ หรือนั่งไปยังจังหวัดใกล้เคียงอื่นๆ แต่วันนี้เงียบเหงาเพราะไม่มีนักท่องเที่ยวเลย มีแต่คนท้องถิ่นเดินทางกลับบ้านเกิดเท่านั้น
รถออกจากสถานีสุราษฎร์แล้ววิ่งต่อมาประมาณครึ่งชั่วโมงกว่า และแล้วก็มาถึง “สถานีนาสาร” บ้านของฉันจนได้ ในเวลา 7:55 น.
โดยในตั๋วโดยสารระบุเวลาถึงคือ ตีห้า ห้านาที สรุปการรถไฟแห่งประเทศไทย เสียเวลาไปเกือบ 3 ชั่วโมง เยี่ยมค่ะ!
เมื่อมาถึงสถานีปลายทางแล้ว ก็ต้องเอาใบที่ต้นทางออกให้ยื่นให้ที่สถานีเก็บไว้พร้อมตั๋วเดินทาง จากนั้นก็เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจการเดินทางกลับบ้านโดยรถไฟแล้ว เย้
สรุปได้ว่า ในความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน การนั่งรถไฟในครั้งนี้ ก็ถือว่าประทับใจในระดับหนึ่ง ในเรื่องของความสะอาดในขบวนรถ เนื่องจากรถไฟขบวนนี้เป็นรถที่ค่อนข้างเก่าแล้ว แต่ความสะอาดก็ยังดีประมาณหนึ่ง ห้องน้ำไม่ได้ส่งกลิ่นเหม็นนัก
ในเรื่องของที่หลับที่นอนก็ไม่ได้แย่ นอนได้สบาย ที่กว้างพอประมาณ และการบริการของเจ้าหน้าที่จัดว่าดีทีเดียว ทั้งการพูดจา การบริการ และการให้คำแนะนำต่างๆ
มีเรื่องเดียวที่ต้องปรับปรุงคือ “ความตรงต่อเวลา” สำหรับเราถือว่าเป็นเรื่องสำคัญของการเดินทาง เป็นหัวใจหลักของการขนส่งมวลชน เพราะเวลาเป็นเรื่องสำคัญ หลายคนพูดว่า ถ้าใช้บริการรถไฟไทย ต้องเผื่อเวลา ถ้ารีบอย่านั่ง ซึ่งไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย จริงๆ แล้วสำหรับเราการนั่งรถไฟกลับบ้านที่สุราษฎร์ธานี เป็นเรื่องที่สะดวกมาก เพราะสถานีอยู่ใกล้บ้าน ออกเดินทางตอนเย็น นอนคืนเดียว เช้ามาก็ถึงแล้ว
อยากฝากไปถึงผู้ใหญ่ใจดี ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ในอนาคตเราจะมีสถานีกลางบางซื่อที่ใหญ่โต ดูทันสมัย รถไฟใหม่ๆ ก็น่าจะเปลี่ยนถ่ายเข้ามาเรื่อยๆ สำหรับผู้เขียนเราไม่ได้อยากได้การรถไฟที่ดีที่สุดในโลก แต่เราอยากได้การรถไฟที่ใช้บริการแล้วมีความสุขที่สุดในโลกมากกว่า และความสุขของเราก็คือการได้เดินทางอย่างปลอดภัย ถึงที่หมายตรงตามเวลา เพื่อไปหาคนที่เรารัก
………ด้วยความเคารพ…………
ขอขอบคุณค่ะ