อิแทวอน คลาส – Itaewon Class

เป็นซีรีส์เกาหลีที่ไม่คิดจะดูเลยตอนที่เห็นโปสเตอร์ เพราะดูผ่านๆ ไม่รู้เลยว่าชายผู้เป็นนักแสดงนำบนโปสเตอร์นั้นคือ พัคซอจุน ท่านประธานในเรื่อง What’s Wrong With Secretary Kim ที่ตอนนั้นใครๆ ก็ต้องอยากเป็นเลขาคิมกันเป็นแถว

แต่พอเพ่งดูโปสเตอร์แล้ว อ๊ะ!!! นี่มันท่านประธานของชั้นนี่นา เลยทำให้ต้องกดเข้าไปดูเรื่องนี้ใน Netflix จนได้ ตอนนั้นที่ดูก็ผ่านไป 9 ep แล้ว และเมื่อเริ่ม ep แรก ก็ทำท่าว่าจะโดนซะแล้ว ต๊ายแล่ว ต๊ายแล่ว อะไรกันหว่า ด้วยธรรมชาติของซีรีส์เกาหลีอะนะ ถ้าโดนตั้งแต่ตอนแรก ก็หาทางถอนตัว ถอนใจออกมาได้ยาก เอาละซิ ว่างไม่ว่าง ก็ต้องหาทางดูให้ได้

ซีรีส์เรื่องนี้สำหรับเราเป็นแนว ดราม่า มีโรแมนติกบ้างหน่อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นการแก้แค้นของพระเอก แต่การแก้แค้นของเค้าไม่ใช่เป็นการไปช่วงชิง หรือสร้างความเสียหายให้กับคู่กรณี ซึ่งความน่าสนใจอยู่ตรงนี้แหละ !!! คำเตือน !!! ถัดจากนี้คือสปอยล้วนนะจ๊ะที่รัก

เรื่องราวเริ่มต้นที่พระเอก พัคแซรอย (ของชั้น^^) ได้มีเรื่องกับคู่กรณีครั้งเมื่อวัยเยาว์ จนต้องออกจากโรงเรียน ในตอนที่ออกจากโรงเรียนเป็นตอนที่เราประทับใจตอนหนึ่งของซีรีส์เรื่องนี้เลย พัคแซรอย ทะเลาะกับคู่กรณีที่เป็นลูกคนรวย เพราะว่า เค้าเห็นไอ่เจ้าลูกคนรวยแกล้งเพื่อนในห้องเรียน แล้วเพื่อนคนที่อ่อนแอก็ยอมให้แกล้ง ไม่สู้ จนพัคแซรอยทนไม่ไหวเลยเข้าไปห้าม แล้วทำให้ทะเลาะกันในที่สุด

แล้วก็ตามสูตร เรื่องก็ไปถึงพ่อคนรวย ต้องมาที่โรงเรียน อิตัวพ่อก็บอกว่าจะไม่เอาเรื่องถ้า พัคแซรอย ยอมคุกเข่าขอโทษ ด้วยความที่พระเอกของเรามีความคิดที่ว่า ถ้าเค้าคิดว่าเค้าไม่ได้ทำผิดอะไร เค้าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขอโทษ (ลูกแกทำผิด ลูกแกแกล้งเพื่อนในห้อง ชั้นเป็นคนเข้าไปห้าม ทำไมชั้นต้องขอโทษแก อันนี้ คหสต. ในบทไม่มี)

เมื่อตกลงกันไม่ได้ ก็จบด้วยการที่ พระเอกต้องออกจากโรงเรียน ซีนที่เราประทับใจคือ พ่อของพระเอก ซึ่งเป็นลูกน้องในบริษัทของพ่อคนรวยด้วย แล้วการที่ลูกต้วเองมีปัญหาทะเลาะกับลูกเจ้านาย ทำให้อึดอัดใจพอสมควร (ถ้าเป็นพ่อฉันคงโดนฟาดไปแล้ว) แต่พ่อของพัคแซรอย ไม่จ่ะ พ่อไม่แม้แต่จะว่าลูกชายด้วยซ้ำ พ่อเชื่อในสิ่งที่ลูกชายพูด เข้าใจในสิ่งที่ลูกชายทำ และยอมรับในผลที่ลูกชายได้รับ เดินกลับบ้านด้วยกันสองคนพ่อลูก ด้วยความเข้าอกเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น

สิ่งนี้ที่พ่อทำมันทำให้ลูกชายอย่างพัคแซรอย ใช้ชีวิตอยู่บนความเชื่อมั่นของตัวเอง เชื่อและทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่เชื่อในสิ่งที่คนเค้าทำตามๆ กันมา จากเหตุการณ์นี้ทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆ ตามมาอีกมากมาย

หลังจากที่แซรอยออกจากโรงเรียน พ่อซึ่งเป็นผู้ที่แซรอยรัก เป็นทุกอย่างของแซรอย ถูกรถชน และคนที่ชนก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้าเก่า อิลูกคนรวยคนเดิม เพิ่มเติมคือรอบนี้ขับรถชนคนตาย เฮ้อออ ผิดซ้ำเลวซ้อนจริง พ่อคุณ

แซรอยกะจะแก้แค้นให้พ่อโดยการจะไปฆ่าอิลูกคนรวยที่ขับรถชนพ่อ แต่ไม่ได้ฆ่า แค่ชกต่อย ใช้ความรุนแรง จนตัวเองต้องติดคุก โถ…ทูลหัวของบ่าว เคราะห์ซ้ำ กรรมซัด ออกจากโรงเรียน พ่อตาย ไม่พอ ต้องมาติดคุกอีก

เข้าไปในคุกก็เจอมาเฟียในคุก แต่แซรอยก็ผ่านมาได้ มีเพื่อนดีๆ ในคุกออกมาด้วยกันหลายคน และตั้งใจ ตั้งเป้า หมายมั่นว่าจะแก้แค้น พ่อลูกคนรวยนั่น แต่การแก้แค้นของเค้าไม่เหมือนครั้งก่อนที่ใช้กำลัง การแก้แค้นของเค้าในครั้งนี้คือการพัฒนาตัวเอง ให้เทียบเท่า และแซงหน้าพ่อลูกคนรวยนั่นให้ได้

โดยเค้าออกมาศึกษาวิธีการต่างๆ ในการเปิดร้านอาหาร แรกๆ ก็ไม่มีความรู้ เก็บสั่งสมประสบการณ์จนเชี่ยวชาญ จนประสบความสำเร็จในธุรกิจร้านอาหาร

เส้นทางในความประสบความสำเร็จของพัคแซรอยไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้องผ่านอุปสรรคต่างๆ มากมาย แต่ด้วยความที่เค้ามีบุคคลเหล่านี้

โจอีซอ – คอยช่วยเหลือ ช่วยพัฒนาร้านให้มีคนรู้จัก ฉลาด เก่ง
จางกึนซู – น้องชายต่างแม่ของอิลูกคนรวย แต่คนนี้นิสัยดี ออกจากบ้านที่ไม่มีใครรักมาใช้ชีวิตของตัวเอง แล้วมาทำงานที่ร้านอาหารของแซรอย แอบชอบนางเอก
ชเวซึงควอน – หนึ่งในพนักงานที่ออกจากคุกมากับแซรอยแล้วมาทำงานด้วยกัน เป็นคนชอบใช้กำลังแต่น่ารัก นิสัยดี
มาฮยอนอี – พนักงานในร้านที่เป็น LGBT
โอซูอา – คนที่พระเอกชอบมาตั้งแต่ยังเอ๊าะ (ชอบแต่ช้า มั่นว่าพระเอกชอบตัวมาแต่ยังเยาว์ เลยอดโดยโจอีซอคาบไปกิน)

ตัวละครทั้งหลายนี้แต่ละคนก็สร้างความสนุก ให้กับซีรีส์เรื่องนี้ ยกตัวอย่างเช่น มาฮยอนอี เป็น LGBT ที่ไม่ค่อยมีใครยอมรับ แรกๆ ฝีมือการทำอาหารก็ยังไม่ดี แต่ด้วยการฝึกฝน ฝึกซ้อม พัฒนาตัวเองอย่างจริงจัง ทำให้มาฮยอนอี ชนะการประกวดการทำอาหาร ถ้าเป็นบ้านเราก็คือชนะการแข่งขันรายการเชฟกระทะเหล็กอะไรประมาณนั้น ตัวละครนี้มันสอนให้เราคิดได้ว่าอย่าตีค่าคนแค่ภายนอก อย่าตีค่าแค่สิ่งที่เค้าเป็น หรืออย่าตีค่าของเค้าเพียงเพราะผลงานเค้าไม่ดี คุณค่าของเค้าคือสิ่งที่เค้าทำ ความพยายามที่เค้ามี การต่อสู้ และพัฒนาตัวเอง

การที่เป็นคนยึดมั่นถือมั่นของพัคแซรอย ไม่ยอมคุกเข่าขอโทษพ่อคนรวยในวันนั้น ทำให้เค้าต้องออกจากโรงเรียน ถ้าวันนั้นเค้ายอมคุกเข่าขอโทษ เค้าก็จะได้เรียนหนังสือ ไม่ต้องมีชีวิตที่ลำบากอยู่ในคุก (แต่ก็นะถึงไม่ต้องออกจากโรงเรียนวันนั้น อาจจะออกวันอื่นอยู่ดี เพราะยังไงก็ต้องได้ต่อยกับไอ่ลูกคนรวยอยู่บ่อยๆ ก็มันชอบหาเรื่องอะ)

คนเป็นเจ้านาย หรือลูกน้อง น่าจะลองดูซีรีส์เรื่องนี้ เพราะมันทำให้เข้าใจมุมของเจ้านาย และมุมของลูกน้องมากขึ้น ในส่วนของเจ้านาย เราคิดว่าความเมตตา เข้าใจ และเชื่อใจในตัวลูกน้องเป็นสิ่งสำคัญ และส่วนของลูกน้องการทำงานของตัวเองให้เต็มที่ไม่ว่าจะตัวเองจะอยู่ในตำแหน่งไหน หน้าที่อะไร ถ้าเต็มที่ เจ้านายก็จะเมตตาและมองเห็นเข้าซักวัน

เข้าใจคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ ชีวิตของพัคแซรอย เจอเรื่องร้ายมาเยอะ การที่พ่อซึ่งเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเค้าต้องจากไป การที่เค้าต้องติดคุก เป็นเรื่องที่หนักหน่วงสำหรับคนคนหนึ่ง แต่เค้าก็ประคองชีวิต ใช้ชีวิตจนประสบความสำเร็จได้ ถ้าวันที่เค้าต้องสูญเสีย แล้วเกิดคิดฆ่าตัวตายขึ้นมา สุดท้ายแล้วเค้าจะไม่ได้มีโอกาสลิ้มรสความสำเร็จได้เลย เพราะฉะนั้นถึงชีวิตเราจะเจอเรื่องร้ายๆ แค่ไหน ก็ขอให้ได้ตื่นมาใช้ชีวิตกันต่อไป สนุก และต่อสู้กับสิ่งต่างๆ ที่เข้ามา

อีกเรื่องนึงที่สอนเราคือ คนเราแม้ว่าจะอยู่ต่างพวกกัน ต่างความคิดกัน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไม่ได้ ถ้าเราทำความเข้าใจเหตุผลของแต่ละฝ่าย อย่างในเรื่อง โอซูอา ซึ่งเป็นผู้หญิงที่ พัคแซรอยชอบ เมื่อโตขึ้น โอซูอา ไปทำงานที่บริษัทพ่อคนรวย พัคแซรอยก็เข้าใจ ไม่ได้โกรธหรือต้องเลิกคบกันเพราะว่าแค้นอีกฝ่าย

สุดท้ายแล้วก็คงเป็นความพยายามของนางเอกในการเต๊าะพระเอกจนได้ไปครอง อย่างสุภาษิตไทยที่ว่า น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน คู่รักทั้งหลาย อย่าได้มั่นหน้า มั่นใจ ปล่อยให้ผู้ชายอยู่ใกล้ชิดสนิทสนมเพื่อนร่วมงานผู้หญิงแบบโจอีซอเป็นอันขาด อันตราย!!!

สุดท้ายอีกครั้ง ดูเรื่องนี้แล้วเชื่อว่าหลายคนคงอยากกินซุปเต้าหู้ แบบที่พัคแซรอยทำ

เพลงประกอบซีรีส์ก็ดีไม่น้อย ฟังไม่รู้เรื่องหรอก แต่รู้สึกฮึกเหิม อยากตื่น เดินทางไปทำงาน เลยอะ

 

Facebook Comments