จีนครั้งแรก กับจิ่วไจ้โกว ก่อนแผ่นดินไหว
การเดินทางไปประเทศจีนครั้งแรกเมื่อปี 2016 ตอนนั้นอ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่พูดถึงแหล่งท่องเที่ยวระดับ 5A ซึ่ง 1 ในนั้นก็มี จิ่วไจ้โกว อยู่ด้วย ใจหนึ่งก็กลัวเหมือนที่หลายๆ คนกลัวคือ ห้องน้ำ ที่จีน ซึ่งเป็นที่กล่าวขานกันมานักต่อนัก แต่ก็เอาวะเกิดมาครั้งเดียว ถ้าจะต้องอดเห็น จิ่วไจ้โกว เพราะห้องน้ำ เห็นจะไม่ได้ เลยตัดสินใจซื้อตั๋วเดินทางไปประเทศจีน
จิ่วไจ้โกว ผู้เขียนไม่มั่นใจว่าภาษาไทยเขียนถูกต้องหรือไม่ ชื่อภาษาอังกฤษก็คือ Jiuzhaigou เป็นอุทยานทางธรรมชาติที่เป็นมรดกโลก ซึ่งอยู่ที่ประเทศจีน จากการหาอ่านรีวิวของคุณ Buksohn ที่เขียนไว้อย่างละเอียด ก็ได้ใจความสรุปไว้ว่า ถ้าจะไปที่นี่จะต้องนั่งเครื่องบินไปลงที่เมืองเฉิงตู แล้วนั่งเครื่องบินต่อไปที่จิ่วไจ้โกวได้เลยโดยใช้เวลาไม่นาน
สำหรับผู้เขียนใช้แผนการเดินทางคร่าวๆ ดังนี้
วันที่ 1 นั่งเครื่องบินสายการบินแอร์เอเชีย สนามบินดอนเมืองไปลงที่เมืองฉงชิ่ง
ถึงสนามบินฉงชิ่งประมาณบ่ายกว่าๆ จากนั้นนั่งแท็กซี่ไปสถานีรถไฟฉงชิ่ง ซื้อตั๋วรถไฟความเร็วสูงนั่งไปที่เมืองเฉิงตู ได้ขึ้นรถไฟประมาณบ่าย 3 ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ถึงเฉิงตู จากสถานีรถไฟเฉิงตู สามารถเดินไปที่พักได้เลย ถึงที่พักประมาณเกือบ 6 โมง
เราค้างที่นี่ 1 คืน เก็บของเรียบร้อยแล้วให้ทางโรงแรมจองตั๋วรถทัวร์เพื่อเดินทางไปจิ่วไจ้โกววันพรุ่งนี้ เดินหาข้าวกิน เดินเล่นนิดหน่อย แวะซื้อผลไม้ไว้กินบนรถทัวร์วันพรุ่งนี้ ส้ม แอปเปิ้ล ที่นี่กรอบ หวาน อร่อยมาก จากนั้นกลับที่พักมาพักผ่อน
วันที่ 2 รุ่งเช้าออกเดินทางด้วยรถทัวร์จากเฉิงตูไปยังจิ่วไจ้โกว
ออกจากที่พักประมาณ 6 โมงเช้า ไม่ได้อาบน้ำเพราะอากาศหนาวมาก เก็บข้าวของแล้วเดินมาที่ท่ารถทัวร์ หาข้าวเช้ากินแถวท่ารถ เป็นติ่มซำอร่อยใช้ได้ จากนั้นได้ขึ้นรถประมาณ 8 โมงเช้า
ที่ท่ารถทัวร์เจอคุณป้าคนจีนซื้อที่แปะหู แปะสะดือ เค้าบอกว่ากันเมารถ เลยซื้อตามด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้เตรียมยาแก้เมารถมาด้วย กะว่าจะหลับไปตลอดทางจะได้ไม่เมา แต่ก็ไม่ได้กินยา หันมาใช้ที่แปะหู และสะดือตามคุณป้า มันดีมากค่ะคุณผู้ชม ดีมากจริงๆ ไม่รู้สึกเมาเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่เส้นทางถือว่าโหดใช้ได้ ทั้งทางโค้ง คดเคี้ยว ทั้งขึ้นเขาลงเขา เอาอยู่แถมยังคุ้มค่าได้มองวิวหลักล้าน 2 ข้างทางตลอดเวลา ทั้งใบไม้เปลี่ยนสี ภูเขา ทะเลสาบ แม่น้ำต่างๆ สวยงาม
คนขับรถทัวร์มี 3 คน แบ่งเป็น 3 กะ ผลัดกันขับคนละ 3 ชั่วโมง แวะตามจุดพักรถต่างๆ ประมาณ 3-4 ครั้ง จุดพักรถก็ได้เจอห้องน้ำในตำนาน อย่างที่ใครๆ กล่าวขานจริงๆ บางจุดยังไม่ทันจะเดินเข้าไป แค่เข้าใกล้ ได้กลิ่นก็ผงะออกมาแล้ว ต้องบอกว่า ยอมจริงๆ กับห้องน้ำในตำนาน
วันนี้ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 9 ชั่วโมง เรียกได้ว่าอยู่บนรถทั้งวัน ถึงที่ท่ารถจิ่วไจ้โกวก็เย็นแล้ว ผู้เขียนไม่ได้จองที่พักไว้ล่วงหน้า ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันทำไมถึงไม่จอง แต่พอไปถึงท่ารถก็จะมีคนของโรงแรมต่างๆ มาเสนอตัวเลือกให้เลือก แต่ละคนก็จะเอารูป เอาข้อเสนอต่างๆ มาแข่งกัน
ฟังไม่รู้เรื่องหรอก ใช้วิธีถูกชะตาใครก็เลือกคนนั้น แต่ก็ได้ผล คือที่พักดีมาก และบริการก็ดีมากด้วย มีบริการรับส่งฟรีตลอดไม่ว่าต้องการจะไปไหน พนักงานยิ้มแย้ม ใจดี เสียอย่างเดียวไม่มีลิฟท์ แต่พนักงานก็ช่วยแบกกระเป๋าขึ้น-ลงให้ บริการทุกระดับประทับใจมาก เราพักที่นี่ 2 คืน ข้างๆ ที่พักมีร้านขายของชำเล็กๆ มีลำธารอยู่ด้านหน้า มีร้านอาหารที่พอกินได้ มีร้านขายของที่ระลึกเล็กๆ
วันที่ 3 เที่ยวในอุทยานจิ่วไจ้โกว Jiuzhaigou Valley โดยใช้เวลาในนี้ 1 วันเต็มๆ
วันนี้ตื่นแต่เช้ามืด รถโรงแรมไปส่งที่ด้านหน้าอุทยานจิ่วไจ้โกว จากนั้นก็ไปต่อคิวซื้อบัตรเข้าชม ค่าบัตรประมาณ 310 หยวน ประมาณ 1,500 บาท ถือว่าแพง แต่คุ้มค่า คุ้มราคามากเมื่อเข้าไป
ถึงแม้จะเป็นเวลาเช้าแต่นักท่องเที่ยวก็มีปริมาณเยอะพอสมควร ทั้งที่เป็นวันธรรมดา ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคนจีน ที่มาจากที่อื่น แต่ใช้เวลาต่อคิวไม่นาน เพราะบริการรวดเร็วมีช่องขายบัตรหลายช่อง ซื้อตั๋วเสร็จก็มาหาข้าวกินด้านหน้า เตรียมเสบียงเล็กน้อย เพราะด้านในของน่าจะแพง เมื่อเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาเข้าไปด้านในอุทยาน
อุทยานจิ่วไจ้โกว จะเป็นลักษณะรูปตัว Y ตอนซื้อบัตรจะได้แผนที่มาคนละชุด แต่ละด้านก็จะมีให้ชมวิวตามจุดต่างๆ โดยนั่งรถบัสจากด้านหน้าเพื่อเข้าไปด้านใน และรถบัสจะแวะตามจุดต่างๆ จากนั้นนักท่องเที่ยวก็จะเดินเที่ยว เมื่อเที่ยวเสร็จจุดหนึ่ง ก็เดินมาที่ป้ายรถ เพื่อขึ้นรถไปเที่ยวอีกจุดหนึ่ง ซึ่งถือว่าบริหารจัดการได้ดีมาก
ทั้งที่นั่งท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่ไม่รู้สึกว่าเบียดเสียด เพราะนักท่องเที่ยวจะกระจายไปตามจุดต่างๆ ไม่มาออกันที่เดียว แต่ละที่ก็จะมีทางเดินทำไว้ให้ ห้ามเดินออกนอกเส้นทาง มีกล้องวงจรปิดติดอยู่ในแต่ละที่
ห้องน้ำเป็นแบบชักโครก แต่เหมือนเอาถุงมาสวมไว้ เมื่อถ่ายเสร็จ กดแล้วถุงมันจะถูกดูดออกไป แล้วถุงใหม่ก็มาแทนที่ ถือว่าโอเคพอใช้ได้ ไม่ลำบากใจ
แต่ละจุดสวยงามดั่งดินแดนเทพนิยายจริงๆ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็สวยงามไปหมด น้ำใสกิ๊ง สะท้อนกับภูเขาเหมือนกระจก ทั้งใบไม้เปลี่ยนสีต่างๆ สวยงามสบายตา นั่งรถ เดินเที่ยวชมธรรมชาติ ได้ไม่มีเบื่อ ทั้งภูเขา ทะเลสาบ ลำธาร น้ำตกใหญ่ น้อย ใบไม้เปลี่ยนสี เรียกได้ว่าครบ
เราอยู่ในนี้กันจนเย็น แล้วนั่งรถออกมาหน้าอุทยาน ตอนเย็นจะมีร้านอาหาร ร้านผลไม้ หลายร้าน ที่เด็ดๆ น่าจะเป็นปลาจากแม่น้ำแถวนั้น อร่อย และสดมาก ราคาไม่แพง กินข้าวเสร็จ ก็ค่ำแล้ว กลับที่พักโดยโทรเรียกรถโรงแรมมารับเช่นเคย
วันที่ 4 เที่ยวที่อุทยานหวงหลง ไม่ไกลจากจิ่วไจ้โกวเท่าไหร่ โดยใช้เวลาที่นี่ 1 วันเต็มๆ เช่นกัน
ตื่นแต่เช้า รถโรงแรมไปส่งที่ท่ารถทัวร์เพื่อนั่งรถไปอุทยานหวงหลง โดยซื้อตั๋วไปกลับ ออกเดินทางประมาณ 7 โมงเช้า ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า และกลับตอน 4 โมงเย็นโดยรถคันเดิม
เส้นทางก็โหดเช่นเดิม คดเคี้ยวเลี้ยวลด ขึ้นเขา แต่รู้สึกปลอดภัย ในการขับขี่เช่นเดิม และวิวระหว่างทางก็สวยงาม ที่หวงหลงมีหิมะตกระหว่างทางด้วย ก็สวยไปอีกแบบ พอไปถึงหน้าอุทยานก็ซื้อบัตรเข้าประมาณ 300 หยวน
ขาขึ้นนั่งกระเช้าขึ้นไป ขาลงเดินลง บางคนไม่รู้ก็เดินขึ้น เหนื่อยแทบตาย ไม่สามารถขึ้นไปถึงข้างบนได้ บางคนแพ้ความสูงก็มี ต้องใช้ออกซิเจนกระป๋องช่วย เรานั่งกระเช้าขึ้นไปประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง ที่หวงหลงทางเดินจะเป็นรูปมังกร เดินเล่นตามจุดต่างๆ ในแผนที่ มีทั้งวัด ภูเขาหิมะ แหล่งน้ำ ลำธารสวยๆ ถ่ายรูปกันไม่มีเบื่อ
ห้องน้ำที่นี่ก็ถือว่าโอเค เป็นห้องน้ำแบบกดชักโครก แต่เป็นแบบนั่งยองๆ ความสะอาดโอเคเลย กว่าจะเดินลงมาถึงด้านล่างก็เกือบ 4 โมง ต้องรีบวิ่งไปที่รถเกือบไม่ทัน แล้วก็นั่งรถกลับมาที่ท่ารถทัวร์ จองตั๋วกลับเฉิงตูวันพรุ่งนี้ไว้ก่อน แล้วค่อยกลับที่พัก
วันที่ 5 ออกเดินทางจากจิ่วไจ้โกวกลับมาที่เฉิงตู
ออกจากที่พักที่จิ่วไจ้โกวไม่เช้ามาก มาขึ้นรถทัวร์ตอน 9 โมงเช้า มาถึงเฉิงตูประมาณ 6 โมงเย็น เดินเล่นในเมืองเฉิงตู ในห้างต่างๆ เมืองนี้เจริญพอๆ กับกรุงเทพฯ เดินทางสะดวกสบาย พักที่นี่ 1 คืน แล้วนั่งรถไฟกลับฉงชิ่งตอนสายๆ พรุ่งนี้
วันที่ 6 นั่งรถไฟความเร็วสูงกลับไปฉงชิ่ง
มาถึงที่พักที่ฉงชิ่งประมาณบ่ายโมง เก็บกระเป๋าเรียบร้อย ก็ออกมานั่งรถไฟฟ้าไปเที่ยว เมืองนี้เจริญกว่ากรุงเทพฯ มากพอสมควร การเดินทางก็สะดวกสบาย ประเทศจีนค่ารถไม่แพง รถไฟฟ้า 10 หยวนตลอดสาย รถเมล์ถูกมาก ค่าแท็กซี่ก็พอๆ กับที่ไทย
ที่ฉงชิ่งเป็นเมืองที่มีที่เที่ยวทั้งธรรมชาติ และความเมืองผสมอยู่ด้วยกัน เรียกได้ว่าเป็นอีกเมืองหนึ่งที่มาแล้วคุ้ม ถ้าไม่คุ้มแอร์เอเชียคงไม่เปิดเส้นทางมาถึงที่นี่หรอกจริงมั้ย
วันที่ 7 เดินทางกลับโดยสายการบินแอร์เอเชียเช่นเดิม เพิ่มเติมคือกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ
สำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางคิดคร่าวๆ น่าจะประมาณ 18,000 บาท รวมค่าตั๋วเครื่องบินแล้ว
การเดินทางครั้งนี้เรียกได้ว่าประทับใจมากเลยทีเดียว ทั้งสถานที่ท่องเที่ยว การบริการของจีน และผู้คน จนทำให้ลืมความคิดที่กลัวคนจีนไปเลย ส่วนในเรื่องของห้องน้ำคิดว่ามันคงเป็นวิถีชีวิตของเค้า ที่แตกต่างจากเรา เพราะสถานที่อื่นๆ ของจีนก็ดูสะอาดดี เอาเป็นว่าประทับใจ จนต้องซ้ำอีกหลายครั้งแน่ๆ